Friday, 15 June 2018 06:11

ผลเสียที่เกิดจาก “กินเร็วเกินไป” Featured

Written by
Rate this item
(0 votes)
ผลเสียที่เกิดจาก “กินเร็วเกินไป” ท้องอืด ท้องเฟ้อสาเหตุหลักๆ ของอาการท้องอืดมักเกิดจากอาหารที่ทานเข้าไป

อาจจะด้วยอาหารบางประเภทที่ทำปฏิกิริยากับระบบย่อยอาหารของเรา แต่ก็รวมถึงพฤติกรรมในการกินอาหารของเราด้วย คนที่กินเร็วมักเลือกทานอาหารที่อิ่มง่าย อิ่มไว จึงมักเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยแป้ง น้ำตาล เนื้อสัตว์ และไขมัน นอกจากนี้ยังเคี้ยวไม่ละเอียด ซึ่งทำให้ย่อยยาก และเกิดเป็นอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ในภายหลัง

 

อ้วน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่กินเร็ว จะเสี่ยงอ้วนได้มากกว่าคนที่กินข้าวด้วยความเร็วปกติ หรือกินข้าวช้า โดยมากกว่า 70% ของคนอ้วน หรือคนที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะอ้วนมีนิสัยกินเร็ว เพราะส่วนใหญ่คนที่กินเร็วมักเป็นคนที่เคี้ยวไม่ค่อยละเอียด และกลืนลงท้องอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้อาหารตกถึงกระเพาะอาหารก็รีบๆ ยัดลงท้องให้หมดๆ ไป จนบางครั้งเราอาจจะลงเอยด้วยการกินมากกว่าปกติ เพราะกินหมดแล้วยังไม่อิ่ม จึงสั่งอาหารเพิ่มเพื่อกินให้อิ่มมากขึ้น

 

 
โรคเบาหวาน
เริ่มน่ากลัวขึ้นมาอีกนิดด้วยความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานที่ไม่มีใครอยากเป็น การกินเร็วโดยเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 งานวิจัยจาก Lithuanian University of Health Sciences ระบุว่า คนที่กินเร็วจะมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 มากกว่าคนที่กินด้วยความเร็วตามปกติถึง 2.5 เท่าเลยทีเดียว

 

โรคกระเพาะอาหาร / กรดไหลย้อน / มะเร็งกระเพาะอาหาร
คนที่กินเร็วมักเคี้ยวไม่ละเอียด เมื่อชิ้นอาหารถูกลำเลียงไปที่กระเพาะอาหารด้วยชิ้นขนาดใหญ่เกินไป กระเพาะอาหารจึงหลั่งน้ำย่อยออกมาเพิ่มขึ้น และมีความเข้มข้นของกรดสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อนได้ในอนาคต นอกจากนี้หากปล่อยให้อาการหนักขึ้น อาจเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

 

โรคอาหารเป็นพิษ
เรื่องเหลือเชื่ออีกเรื่องคือ 5-10% ของอาหารที่เป็นพิษสามารถบ่งบอกได้จากรูป รส และกลิ่นของอาหาร แต่คนที่กินเร็วจะรับรู้รส และกลิ่นของอาหารได้น้อยกว่าคนปกติ (เพราะรีบทาน) ดังนั้นเมื่อความสามารถในการรับรู้รูป รส และกลิ่นน้อยลง ก็อาจเสี่ยงต่ออาหารเป็นพิษมากขึ้นด้วย

 

รู้อย่างนี้แล้ว มื้อหน้าเคี้ยวอาหารให้ช้าลง เคี้ยวให้ละเอียดขึ้นก่อนกลืน ค่อยๆ รับรู้รสชาติของอาหารให้มากขึ้น และมีความสุขกับการทานอาหารมากขึ้น จะได้ไม่ต้องทรมานกับโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตกันนะ
ขอขอบคุณ

ข้อมูล :สุขภาพน่ารู้,DID YOU KNOW? - คุณรู้หรือไม่

ภาพ :iStock

Read 1383 times Last modified on Friday, 15 June 2018 06:44

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.