รวยแค่ไหนถึงพร้อมเป็น พ่อแม่มือใหม่
ละครนางเอกท้องก่อนแต่งโดยไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครต้องวุ่นวายกับการขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความจริงเพิ่งลาจอมายาไปไม่กี่เดือน ไม่กี่วันที่ผ่านมา
สื่อก็พากันโหมประโคมข่าวที่เกิดขึ้นจริงในโลกมายากับการยอมรับว่ายังไม่พร้อมจริงๆ สำหรับบทบาทความเป็นพ่อในชีวิตจริงของดาราดังวัยรุ่นเพิ่งบรรลุนิติภาวะที่ยืดอกรับผิดชอบว่าเป็นพ่อของเด็กในท้องโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอให้วุ่นวาย
คำว่า พร้อม ในที่นี้ทุกคนคงยอมรับว่าส่วนหนึ่งหนีไม่พ้นกับความพร้อมทางการเงินที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาอย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นค่าฝากครรภ์และทำคลอด ค่านม ค่าอาหารทั้งอาหารหลัก และอาหารว่าง ขนมขบเคี้ยว ค่าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่ต้องเปลี่ยนแทบทุกปีตามการเจริญเติบโตของบุตร
ค่ารักษาพยาบาล ประกันสุขภาพ และประกันชีวิต ค่าที่พักอาศัยที่อาจต้องมีบ้านหลังใหญ่ขึ้นมีห้องเพิ่มขึ้นเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกและพ่อแม่ในอนาคต ค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์ค่าอินเทอร์เน็ตและค่าสาธารณูปโภคอื่นๆ ค่าพักผ่อนหย่อนใจนันทนาการของเล่นต่างๆ รวมไปถึงค่าเล่าเรียนทั้งในโรงเรียนและนอกห้องเรียน ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นทุกปีเป็นเงาตามตัวเนื่องจากราคาสินค้าบริการต่างๆ ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
BIZ BUZZ ฉบับนี้ลองรวบรวมข้อมูลค่าเล่าเรียนที่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความพร้อมในการเลี้ยงดูสมาชิกใหม่ในครอบครัวมาให้ ว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจได้สำรวจและเตรียมความพร้อมทางการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ
ค่าเล่าเรียนโรงเรียนเอกชนทั่วไปตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถม มัธยมศึกษา และอาชีวศึกษาอาจอยู่ในหลักหมื่นบาท/ ปี แต่ทันทีที่อยากขยับมาตรฐานการศึกษาเป็นการศึกษาหลักสูตรพิเศษในโรงเรียนรัฐก็อาจต้องเพิ่มค่าเล่าเรียนเป็นปีละเกือบครึ่งแสนเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหากเชื่อในการศึกษาทางเลือกต้องการให้บุตรได้รับการศึกษาในโรงเรียนทางเลือกต่างๆ ค่าเล่าเรียนต่อปีอาจเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนบาทต่อปี ส่วนถ้าใครต้องการให้ลูกเติบโตเป็น Global Citizen พูดภาษาอังกฤษได้ราวกับเป็นเจ้าของภาษาส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ ค่าเล่าเรียนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 บาทต่อปี จนเกือบล้านบาทต่อปีก็มีอีกเช่นกัน
ค่าเล่าเรียนดังกล่าวนี้ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ตราบใดที่โลกใบนี้ยังหมุนรอบตัวเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์ ค่าเล่าเรียนก็จะหมุนไปตามเวลาที่ผ่านไปอีกเช่นกัน ถ้าหากสมมติให้อัตราการเพิ่มขึ้นของค่าเล่าเรียนเท่ากับ 2.5% ต่อปี นั่นหมายความว่าค่าเล่าเรียนปีละ 10,000 บาท อาจเพิ่มขึ้นเป็น 10,769 บาท ในอีก 3 ปีข้างหน้าเมื่อลูกเริ่มเข้าเรียนอนุบาล และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 11,597 บาท ในอีก 6 ปีข้างหน้าเมื่อลูกเริ่มเข้าเรียนประถมศึกษา
และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 13,449 บาท ในอีก 12 ปีข้างหน้าเมื่อลูกเริ่มเข้าเรียนมัธยมศึกษา และนั่นหมายความว่าในอีก 18 ปีข้างหน้าเมื่อลูกเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ค่าเล่าเรียนจะเพิ่มขึ้นเป็น 15,597 บาท
นั่นหมายความว่าถ้าหากต้องการเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาของบุตรจนจบปริญญาตรี โดยนำเงินจำนวนหนึ่งไปฝากธนาคารพาณิชย์โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยปีละ 1.5% แล้วค่อยๆ ทยอยถอนเงินทุกต้นปีเพื่อไปชำระค่าเล่าเรียนบุตรปีละ 10,000 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 2.5% จำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องการในปัจจุบันจะมีมูลค่าเท่ากับ 214,029 บาท
แต่ถ้าหากค่าเล่าเรียนเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 50,000 บาท หรือ 100,000 บาท จำนวนเงินที่ต้องมีในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์อาจเพิ่มขึ้นถึง 1,070,147 บาท หรือ 2,140,294 บาทเลยทีเดียว
แต่ถ้าหากอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าเล่าเรียนมากกว่านี้ เงินหลักแสนหลักล้านดังกล่าวก็ยังอาจไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามการวางแผนการลงทุนผ่านหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน หุ้นสามัญ หรือกองทุนรวมต่างๆ ก็อาจเป็นอีกตัวช่วยเพิ่มความพร้อมทางการเงินได้อีกเช่นกัน
ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเพียงค่าเฉลี่ยโดยประมาณ สำหรับใครที่ต้องการคำนวณจำนวนเงินที่ต้องการเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการศึกษาของบุตรที่เป็นข้อมูลของตนเอง ก็อาจลองกรอกข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรและคำนวณได้ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ www.allaboutfin.com ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในเว็บไซต์ที่ทำให้คนไทยทุกคนสามารถลองวางแผนการเงินเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองในยุคประเทศไทย 4.0
อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของบุตรเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของความพร้อมทางการเงินกับการเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่เท่านั้น ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมายที่ยังรออยู่ และความพร้อมทางการเงินก็เป็นเพียงแค่องค์ประกอบหนึ่งของความพร้อมอื่นๆ ที่ต้องมี
ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมทางด้านร่างกายที่จะดูแลบุตรจนเติบใหญ่ ความพร้อมทางด้านเวลาที่พร้อมจะให้ความอบอุ่น รวมไปถึงความพร้อมทางวุฒิภาวะที่บ่มเพาะให้ลูกน้อยเติบโตเป็นคนดีในสังคม
AUTHOR :
ดร.ธนาวัฒน์ สิริวัฒน์ธนกุล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรรมการสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ผู้เขียนหนังสือ รวยเงินรวยสุข บันไดเลื่อนสู่ความร่ำรวย และอยากรวยต้องรู้ธรรม